มาห์มู้ด อีด : มือสังหารจมูกไวจากปาเลสไตน์ แข้งที่ทำให้เกมรุก ทรู แบงค็อก กลมกล่อม
แบงค็อก ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของ โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน สโมสรยักษ์หลับแห่งศึก ไทย ลีก ที่ห่างหายจากการเป็นแชมป์อย่างเป็นทางการนับสิบๆ ปี เปิดฤดูกาลนี้ได้น่าจับตามองเอามากๆ จาการคว้าแชมป์ ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2023 ด้วยการเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-0 เรียกความมั่นใจก่อนบอลลีกจะเริ่ม
แต่ด้วยคาแรกเตอร์ของทีมที่แฟนบอลรู้กันดีว่า ไม่สามารถยืนระยะรักษามาตรฐานแบบยาวๆ ได้ ส่งผลให้ยังมีคำถามว่า พอบอลลีกเริ่มโปรแกรมอย่างเป็นทางการจริงๆ พวกเขาจะยังร้อนแรงเช่นเดิมหรือไม่? ซึ่งทัพแข้งเทพ ก็ตอบข้อสงสัยดังกล่าวด้วยผลงานการนำเป็นจ่าฝูง ด้วยการบุกไปถล่ม อุทัยธานี ราบคาบ 4-1
แนวทางการเล่นของ แบงค็อก ปรับเปลี่ยนไปตามผู้เล่นที่มีอยู่ในมือ ณ ปัจจุบัน การปล่อยตัว เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส และ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม สองผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ที่มีหน้าที่ในการจบสกอร์ออกไป แต่ไม่มีผู้เล่นแนวเดียวกันเข้ามาแทน หมายความว่า ผู้บริหารและทีมสตาฟฟ์เลือกแล้วว่าจะแก้ไขด้วยการปรับสไตล์ของทีมในการทำเกมบุก
กองหน้าตัวเป้าอย่าง วิลเล่น โมต้า อาจไม่ใช่นักเตะที่สูงใหญ่ แต่เรื่องของการหาช่อง เชื่อมเกม และ ปั่นป่วนแนวรับคู่แข่ง เป็นการเติมมิติให้กับเกมบุก บียู ให้มีความหลากหลาย แต่องค์ประกอบที่ทำให้ โมต้า เล่นได้สบายขึ้นและขาดไม่ได้เลย คือ ‘มาห์มู้ด อีด’ แนวรุกทีมชาติปาเลสไตน์ ที่ฟอร์มแรงขึ้นมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ทำให้เกมรุกของทีมเล่นได้อย่างกลมกล่อมลงตัวในบทบาทที่ได้รับมอบหมายให้เป็น ‘ชาโดว์ สไตรเกอร์’
ประตูปิดกล่องในเกมที่เอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และการเหมายิงคนเดียวสองประตูในเกมกับ อุทัยธานี เอฟซี แสดงให้เห็นแล้วว่า นักเตะโควต้าเอเชียรายนี้ไม่ธรรมดา พื้นเพที่มาที่ไปของดาวยิงรายนี้นั้นเป็นอย่างไร? เขาเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลที่รอบจัดขนาดนี้มาจากไหน? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
โปรไฟล์จากลีกยุโรป
อีด มีเชื้อสายเป็นชาวปาเลสไตน์ แต่เกิดที่เมืองไนโคปิ้ง ประเทศสวีเดน เหมือนกับนักเตะหลายต่อหลายคนในชาติแถบตะวันออกกลาง ที่ครอบครัวมีการย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากยังประเทศที่เจริญแล้ว เพื่อหลีกหนีจากภาวะสงคราม, เศรษฐกิจ และ การเมือง ที่มีโอกาสส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
เขาเติบโตและฝึกฟุตบอลที่แดนไวกิ้ง ซึ่งสโมสรแรกที่รับเขาไปเป็นเด็กสร้าง คือ ฮัมมาร์บี้ ทาลัง ในปี 2011 แล้วปีต่อมา อีด ก็ได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกหลังย้ายไปอยู่กับ วาซาลุนด์ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ย้ายกลับไปเล่นให้กับทีมที่เมืองเกิดอย่าง ไนโคปิ้ง บิส ซึ่งนับเป็นต้นสังกัดที่เขาค้าแข้งด้วยนานที่สุดในช่วงแรก
ผลงานของเขากับ ไนโคปิ้ง บิส ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย ลงสนามไป 50 เกม ทำไปถึง 21 ประตู กับอีก 18 แอสซิสต์ แล้วกลายเป็นบันไดก้าวสำคัญให้ขยับขยายไปอยู่กับทีมในลีกรองอย่าง แอตวิดาเบิร์กส (ซูเปอร์เรทเท่น) และ คัลลมาร์ (ออลสเวนส์คาน) ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามเมื่อ อีด ต้องเล่นในลีกสูงสุดกับ คัลมาร์ ฟอร์มของเขาไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก จนมีการปล่อยออกไปให้ทีมอื่นๆ ยืมตัวไปใช้งานในปี 2018 อาทิ มอนจาลาเดน (นอร์เวย์) และ กาอิส (สวีเดน) แต่ผลงานก็ยังไม่มีทิศทางว่าจะกระเตื้องขึ้น
ตั้งแต่เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพ อีด ไม่เคยทำประตูได้ถึงสองหลักแม้แต่ซีซั่นเดียว ในปี 2020 เขาจึงเลือกค้นหาความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการย้ายมาอยู่กับ เปอร์เซบาย่า ในลีกประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็ได้รับโอกาสลงสนามไปแค่ 2 นัด ทำไปแค่ประตูเดียว
ต่อจากนั้น อีด ก็เลือกที่จะย้ายทีมไปยังแถบตะวันออกกลาง ด้วยการเล่นให้กับ อัล-เมไซเมียร์ (กาตาร์) และ อัล-มูฮาร์รัค (บาห์เรน) แต่ผลงานก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ สุดท้ายปลายทางของเขาก็มาบรรจบกับ ไทยลีก ด้วยการย้ายมาอยู่กับ หนองบัว พิชญ ในช่วงปลายปี 2021 ก่อนจะมาลงเอยกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในปี 2022
จากการที่เป็นนักเตะจอมพเนจร อีด กล่าวถึงเคล็ดลับในการปรับตัวของเขาในการย้ายถิ่นฐานเอาไว้ว่า
“แน่นอนว่าคุณต้องปรับตัวให้ได้เมื่อย้ายไปยังประเทศใหม่ ในเดือนแรกผมเริ่มศึกษาก่อนว่าทุกอย่างดำเนินไปแบบไหน ผู้คนเป็นอย่างไร วัฒนธรรมต่างๆ และทุกๆ อย่าง แล้วผมจะพยายามปรับตัวให้ได้มากที่สุด”
“ผมคิดว่าชีวิตในเมืองไทยเป็นไปอย่างเรียบง่าย สำหรับคนที่มาจากสวีเดน ไทย เป็นประเทศที่มีโด่งดังมากในเรื่องของการเป็นประเทศแห่งการมาพักร้อน มีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ ผู้คนอ่อนน้อมและเป็นมิตร”
“ผมได้รับการต้อนรับอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี่ มีความสุขมากๆ และอยากอยู่ไปนานๆ อีกหลายปี”
แม้ว่าดีลของ อีด ที่ย้ายมาอยู่กับ แบงค็อก จะดูน่าสงสัยในเรื่องคุณภาพฝีเท้าไม่น้อย เพราะหากวัดจากสถิติที่ผ่านมา ผลงานของเขาอยู่ในระดับทั่วไปค่อนไปทางล่าง แต่เพียงแค่ซีซั่นแรกของเขาในฐานะขุนพลแข้งเทพ อีด กดประตูรวมทุกรายการไปถึง 12 ลูก แล้วเป็นครั้งแรกในอาชีพของเขาที่ยิงแตะเลขสองหลักในซีซั่นเดียว
มือสังหารจมูกไว
อีด รู้ดีว่าโอกาสในการย้ายมาเล่นกับสโมสรใหญ่อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่มีองค์ประกอบครบ เป็นจังหวะชีวิตที่ไม่ได้เข้ามาง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะคว้าไว้ทันที ซึ่งเรื่องของการปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ และรวดเร็วทันใจ
เขาอธิบายลักษณะนิสัยของตัวเองเอาไว้ชัดเจนว่า ชีวิตนอกสนามนั้นเป็นคนง่ายๆ สุภาพ และใจเย็น แต่ในสนามนั้นเป็นผู้เล่นที่จริงจังเกินร้อย ต้องการพาทีมชนะเท่านั้น ด้วยการพยายามทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการยิงประตู หรือ แอสซิสต์ ให้กับเพื่อนร่วมทีม
หลังจากที่ อีด ได้พบปะพูดคุยกับสตาฟฟ์และเพื่อนร่วมทีม เขาไม่ได้คาดหวังให้การปรับตัวกับทีมใหม่นั้นลงล็อคแบบทันทีทันใด ต้องใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแท็คติก รวมไปถึงองค์ประกอบรอบด้านอย่างครอบคลุม เพราะตัวเขาเชื่อว่าการเร่งให้ทุกอย่างมันเร็วเกินไป อาจเป็นการกดดันตัวเองจนหลงทางได้
อีด ไม่ใช่คนที่ชอบโฆษณาความสามารถของตัวเอง แล้วอยากให้แฟนบอลตัดสินด้วยตาตัวเองกับผลงานในสนาม แต่ถ้าให้จำกัดความการเล่นของเขาง่ายๆ คงออกมาได้ว่า
“จริงๆ ผมไม่อยากจะพูดถึงตัวเองให้มากเกินไปเท่าไหร่ครับ ผมชอบแสดงให้เห็นในสนามมากกว่า แต่ผมคือนักเตะที่แข็งแกร่ง”
“ผมมีความเร็วและชอบที่จะดวลกับคู่แข่ง ชอบครอบครองบอล รวมถึงการทำประตูและแอสซิสต์ ผมคือผู้ชนะและชอบคว้าชัยชนะ ด้วยการพยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
การขาดหายไปของ วานเดอร์ หลุยส์ แนวรุกตัวสำคัญชาวบราซิลของ บียู ทำให้โค้ชแบนต้องปรับหมากมาใช้นักเตะที่ทดแทนกันได้อย่าง รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ในจังหวะการสร้างสรรค์เกมแดนบน โดยมีทาง วิลเล่น โมต้า ยืนคำเป็นหน้าเป้า ส่วนบทบาทของ อีด ไม่ต่างกับตัวฟรีในแดนหน้า แม้ว่าตำแหน่งประจำการตามหน้ากระดาน คือ กองหน้ากึ่งปีกฝั่งซ้ายก็ตาม
หน้าที่สำคัญของ อีด คือการคอยหาพื้นที่ว่างหลังไลน์แนวรับคู่แข่ง คอยรอรับบอลจากแดนกลาง หาจังหวะกระชากฉีกแนวรับ หรือสอดเข้าพาพื้นที่อันตรายในการทำประตู ซึ่งถือว่าประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่ารอบจัด
สถิติ 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ จากเกมกับ อุทัยธานี การันตีแล้วว่า อีด ไม่ใช่นักเตะที่คู่แข่งจะประมาทเขาได้ง่ายๆ จากพิษสงค์รอบด้านไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนที่ของเขาในมุมอับสายตา การมองหาช่องว่างในการเข้าทำ การพลิกบอลไปเล่นด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและมีสมดุลย์ และจังหวะการดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งแบบไม่มีกลัว
แน่นอนว่า แบงค็อก ที่กล้าเปลี่ยนสไตล์การเข้าทำของทีม มาเน้นที่จังหวะฉาบฉวย โจมตีรวดเร็วเฉียบคม การมีนักเตะที่เล่นในบทบาท ‘ชาโดว์ สไตรเกอร์’ นักล่าประตูที่ต้องมีจุดเด่นเรื่องความจมูกไว คงไม่มีใครเหมาะไปกว่า อีด ในตอนนี้
ทัศนคติและความกระตือรือร้น
ฟอร์มการเปิดตัวในฤดูกาลนี้ที่ร้อนแรงของ อีด คงไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ เพราะการเสี่ยงดวงปรับแท็คติกของ โค้ช มาเป็นแนวทางใหม่ หากตัวนักเตะไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือพร้อมที่จะเปิดกว้างเรียนรู้่และศึกษา ผลลัพธ์มีโอกาสออกเป็นลบมากกว่าบวก
อย่างไรก็ตาม อีด แสดงให้เห็นตั้งแต่วันที่เปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ แข้งเทพ ไว้อย่างชัดเจนว่าตัวเขาวางเป้าหมายมาที่นี่เพื่ออะไร แล้วจะพยายามด้วยวิธีการแบบไหน ตามที่ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
“ยิ่งคุณได้ซ้อมกับทีมเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คุณปรับตัวและเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้ง่ายขึ้น ดังนั้นผมจึงอยากเรียนรู้แท็คติก ผมอยากเรียนรู้ทุกอย่าง รวมไปถึงแนวทางที่โค้ชต้องการให้เราเล่น”
“ผมจะทำให้ดีที่สุด ทำทุกๆ อย่างที่ผมทำได้เพื่อช่วยทีมคว้าถ้วยรางวัล เพื่อให้แฟนบอลภูมิใจและมีความสุข เมื่อใดที่ผมลงเล่นสิ่งที่ผมต้องการได้รับมีเป้าหมายเดียว คือ การคว้าแชมป์”
ผลงานที่ผ่านมาจากซีซั่นก่อน รวมไปถึงการเปิดหัวพาทีมเก็บชัยชนะได้สองเกมติด ด้วยการเป็นส่วนสำคัญทั้งยิงทั้งจ่าย ย่อมทำให้ อีด มีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้าเขาสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองได้ยาวๆ ด้วยอายุแค่ 30 ปี ความสำเร็จต่างๆ ที่เขาตั้งเป้าไว้ คงจะมาถึงในไม่ช้า
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://en.wikipedia.org/wiki/Mahmoud_Eid
https://www.youtube.com/watch?v=vM2AScyqNRE
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ประทุม ชูทอง : นักสู้มืออาชีพแห่งโลกบอลเดินสาย
เปิดใจ ‘เบ็ค-สมเกียรติ คุณมี’ : ทำไมตัวท็อป ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ ถึงเลือกเส้นทางบอลเดินสาย ?
‘ผักบุ้ง PBDS’ : หญิงแกร่งแห่งวงการฟุตบอลเดินสาย
‘ใหญ่ นิลวงษ์ ’: โค้ชจอมเลื่อนชั้นแห่ง T3 ที่คุมทีมเดินสายที่ชนะ 100%
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย