เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?

เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

กระแสฟีเวอร์ของแฟนบอล ไทย ลีก ในช่วงนี้ คงหนีกระแสการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรเบอร์หนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งยังอยู่บนเส้นทางการลุ้นสามแชมป์เป็นสมัยที่สองติดต่อกันอีกด้วย

การจะประสบความสำเร็จได้ถึงระดับนี้ แน่นอนว่าต้องมีการวางแผนทุกภาคส่วนอย่างละเอียดถี่ถ้วน พัฒนาทุกอย่างไปแบบเป็นระบบระเบียบ แล้วต้องใช้เงินทุนมหาศาลนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่ได้แค่ส่งผลดีต่อองค์กรเพียงอย่างเดียว แต่สร้างผลพลอยได้ให้กับบอลลีกประเทศเราด้วยเช่นกัน

แนวทางในการทำทีมฟุตบอลสักทีมหนึ่ง ให้มีพัฒนาการแบบต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดเพียงแค่ความสำเร็จแบบฉาบฉวย เป็นแชมป์หนึ่งสมัยหรือสองสมัย แล้วค่อยๆ เลือนหายไปจากวงการ ต้องอาศัยองค์ความรู้ความสามารถและใจรักในกีฬาฟุตบอลจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่เม็ดเงินสนับสนุน

PHOTO : GOAL

ซึ่งความสำเร็จต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาสู่สโมสรแบบต่อเนื่อง ต้องยกความดีความชอบเกือบทั้งหมดให้กับประธานสโมสรอย่าง คุณ เนวิน ชิดชอบ ที่ละทิ้งบทบาทเดิมๆ ในอดีต หันมาทุ่มเทให้กับวงการลูกหนังแบบเต็มที่ แล้วทุกอย่างมันก็งอกเงยได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้ ทิ้งห่างสโมสรอื่นๆ ในประเทศที่ล้มๆ ลุกๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่หลายช่วงตัว

ปัจจัยใดบ้างที่ทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน เป็นแชมป์ที่เหนือกว่าแชมป์ธรรมดา แล้วมีโอกาสกอบโกยความสำเร็จไปได้อีกยาวๆ ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง

การปลูกฝังวัฒนธรรมฟุตบอล

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สโมสรฟุตบอลประสบความสำเร็จได้ คือ กลุ่มผู้สนับสนุน หรือ แฟนบอลของทีมต่างๆ ซึ่งมีที่มาจากคำว่า แฟแนติก (Fanatic) ที่แปลความหมายได้ว่า กลุ่มผู้คนที่ลุ่มหลง คลั่งไคล้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษแบบบ้าคลั่ง

แน่นอนว่าประเทศไทยของเรานั้น รับอิทธิพลจากชาติที่อ้างว่าเป็นหนึ่งในต้นตำหรับของกีฬาฟุตบอลอย่าง ประเทศอังกฤษ มาเต็มๆ จากการนำเสนอของสื่อในยุคก่อน ซึ่งวัฒนธรรมการเชียร์ทีมฟุตบอลของกลุ่มแฟนบอลในแดนผู้ดี ส่วนใหญ่แล้วจะยึดทีมเชียร์ตามถิ่นฐานบ้านเกิด

ยกตัวอย่างเช่น เมืองลิเวอร์พูล ย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ จะมีทีมฟุตบอลใหญ่ๆ อยู่ในเมืองสองสโมสร คือ ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน ดังนั้นกลุ่มแฟนบอลในย่านนี้ ไม่เป็นสาวก เดอะ ค็อปส์ ก็จะอุทิศตนเป็น ท็อฟฟี่เมน

แนวคิดของคุณ เนวิน ชิดชอบ ไม่ได้แค่เพียงต้องการทำทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการพัฒนาทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน

จึงเลือกที่จะใช้ สโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดคน หวังให้จังหวัดนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จากเดิมที่เป็นแค่จังหวัดทางผ่าน ตั้งเป้ารองรับนักท่องเที่ยวให้ได้มากกว่า 5,000 คนต่อวัน

คุณ เนวิน ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการทำทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ช่วงนาทีที่ 20.22 เป็นต้นไป

ฐานแฟนบอลส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากประชาชนในพื้นที่ ก่อนจะสร้างสนามฟุตบอล “ช้าง อารีน่า” ขึ้นมาเพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากโซนอื่นๆ ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่การแข่งขันฟุตบอล แต่หวังทำขึ้นมารองรับกีฬาแข่งรถทั้ง Motor GP และ ฟอร์มูล่า วัน อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแนวคิดที่จะช่วยแก้ไขปัญหา “เด็กแว้นซ์” ที่มีพฤติกรรมชอบแต่งมอเตอร์ไซค์ แข่งกันในพื้นที่ถนนรบกวนชาวบ้าน ให้มาแข่งกันในพื้นที่สนามด้านข้าง แล้วค่อยๆ ต่อยอดในเรื่องของการทำตามกฏระเบียบลงไป

PHOTO : มติชน

เช่น การบังคับให้สวมหมวกกันน็อค ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้ใช้สนามเกิน 30 นาที จนได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความเร็วมากกว่า 10,000 รายเข้าไปแล้ว ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับการใช้สนามของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

พอมีกลุ่มคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับพื้นที่สนาม เวลาที่สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีแมตช์การแข่งขัน ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ ที่จะจูงใจให้พวกเขาเข้ามาเชียร์ทีมบ้านเกิด ซึ่งเป็นทีมตัวแทนความภาคภูมิใจประจำจังหวัดนี้ แล้วพอทีมประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์ คุณ เนวิน ก็มีการยกเครดิตให้กับแฟนบอลเอาไว้ว่า

"หัวใจของการเป็นคนพันธุ์บุรีรัมย์ มันไม่ได้อยู่ที่ผลตอบแทน หรือผลกำไรของการทำงานแต่ละชิ้น แต่มันขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วม คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว"

“เคล็ดลับที่พาทีมมาถึงจุดนี้คือความมุ่งมั่นของนักเตะ กำลังใจของ GU 12 ความที่เราไม่เคยประมาทใคร เราคิดเสมอว่าการเล่นกับทุกทีมต้องให้เกียรติคู่ต่อสู้ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ”

PHOTO : BURIRAM UNITED

นอกจากนั้นทางสโมสรก็ยังมีแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ให้แฟนบอลสามารถตามไปชมไปเชียร์ทีมได้แบบสะดวกในราคาประหยัด อำนวยความสะดวกให้พร้อมสรรพ อย่างเช่นในเกมที่จะออกไปเยือน แบงค็อก ยูไนเต็ด นัดที่จะถึงนี้ เปิดรับแฟนบอล 45 คน จ่ายเงินเพียงแค่ 600 บาททั้งทริป รวมค่ารถรับ-ส่งและตั๋วเข้าชมเกมอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นสาเหตุที่ทำให้แฟนบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รักทีมของพวกเขาอย่างมากเพราะตัวคุณ เนวิน ไม่คิดจะหากำไรจากแฟนบอลที่เข้ามาให้กำลังใจทีม พร้อมทำเสื้อแข่งแบบไม่มียี่ห้อออกมาขายเอง เพื่อให้แฟนบอลทุกคนสามารถจ่ายได้ในราคาที่เอื้อมถึง ตามที่ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“เหตุผลที่ไม่ใช้เสื้อแข่งมียี่ห้อเพราะว่า ถ้าผมใช้ ไนกี้, เอฟบีที, แกรนด์สปอร์ต, อดิดาส, อัมโบร หรืออะไรก็ตามแต่ ผมจะทำให้แฟนบอลต้องจ่ายแพงขึ้นไม่ต่ำกว่าตัวละ 300 บาท ดังนั้นผมจะไม่ทำร้ายแฟนบอลผม”
PHOTO : SHOPEE

“แล้วเสื้อที่ผมทำออกมาขายให้กับแฟนบอล คุณภาพเดียวกัน มาตรฐานเดียวกัน ราคาถูกกว่า แล้วนี่คือสิ่งที่สโมสรควรจะต้องคิดถึงแฟนบอล”

“ไม่ใช่เขาเป็นแฟนบอลตามเชียร์ทีม ทำงานเหนื่อยมาทั้งฤดูกาล จ่ายค่าตั๋ว จ่ายค่ารถ ตามสนับสนุนทีมด้วยการตะโกนเชียร์เป็นร้อยๆ นาที แล้วยังไปฟันหัวเขาด้วยราคาเสื้ออีก”

“เงินส่วนต่างสี่ร้อยกว่าบาท แฟนบอลกินข้าวได้สามวันเลยนะ มันจึงไม่ควรจะไปฟันแฟนบอล”

“บุรีรัมย์ รักษาแฟนบอล อยู่กับแฟนบอล แคร์ความรู้สึกแฟนบอล ทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนแฟนบอล ดังนั้นน้ำใจที่เรามีให้กับแฟนบอลมันเป็นเรื่องที่ควรทำ”

ในเมื่อมีประธานสโมสรและเจ้าของทีมที่เข้าใจถึงหัวอกแฟนบอล ใส่ใจทุกรายละเอียด หวังพัฒนาทุกอย่างไปพร้อมๆ กันโดยภาพรวม ฐานแฟนบอลของทีมจึงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่ไม่ใช่แค่สโมสรฟุตบอลทั่วๆ ไป ที่หวังผลแค่เรื่องของการทำกำไรเข้าสู่ทีม

เมื่อทีมงานผู้บริหารสามารถปลุกกระแสแฟนบอลได้สำเร็จ จึงเป็นที่มาของเหล่า “GU12” จำนวนนับไม่ถ้วน ที่เข้าใจวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลพื้นถิ่น แล้วพร้อมตามไปให้กำลังใจตัวแทนของพวกเขา ในการล่าความสำเร็จแต่ละฤดูกาล

สร้างนักเตะไทยจากอะคาเดมี่

ปฏิเสธได้ยากว่าการจะพาทีมประสบความสำเร็จในศึก ไทย ลีก จำเป็นต้องมีตัวผู้เล่นต่างชาติเข้ามาเป็นแกนหลัก เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือสโมสรอื่นๆ จนทำให้หลายทีมขาดความใส่ใจเรื่องของอะคาเดมี่ การปั้นเยาวชนที่เป็นนักเตะไทยขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

แต่นั่นไม่ใช่แนวคิดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สร้างผลผลิตนักเตะไทยชั้นนำขึ้นมาประดับวงการมากมาย อาทิ รัตนากร ใหม่คามิ, สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของพวกเขาแท้ๆ ที่สามารถก้าวไปเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติไทยได้อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ในปี 2560 คุณ เนวิน เคยกล่าวถึงแนวทางในการส่งเสริมอะคาเดมี่ของทีมเอาไว้ว่า

"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของเราลงทุน และให้ความสำคัญกับอะคาเดมี เป็นอย่างมาก ปีที่ผ่านมาเราดันนักเตะจากอะคาเดมีขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่หลายคน และนั้นก็เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่ทำให้เรากลับมาเป็นแชมป์ได้ มันเป็นการบอกถึงการลงทุนที่คุ้มค่า"

“จากนี้ไปผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 5 ปี นอกจากผู้เล่นต่างชาติแล้ว ผู้เล่นที่จะขึ้นมาเล่นทีมใหญ่ ภายใต้นโยบาย และหลักการของทีมคือ จะต้องเป็นเด็กบุรีรัมย์ โดยการเกิดหรือเป็นเด็กที่มาจากบุรีรัมย์ อะคาเดมีเท่านั้น”

“ต้องพูดไว้เลยสำหรับแฟนบอลบุรีรัมย์ ขอให้ทำใจเถอะว่าจะไม่เห็นผมซื้อบิ๊กเนมผู้เล่นไทยอีกแล้ว แต่ผมจะเอาเด็กจากบุรีรัมย์ อะคาเดมี หรือลูกหลานบุรีรัมย์ ที่ไปประสบความสำเร็จไปอยู่ที่อื่นกลับมาเท่านั้น ซึ่งจะเป็นบิ๊กเนมหรือไม่บิ๊กเนมผมไม่รู้”

คำพูดข้างต้นกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอย่างที่แฟนบอลได้เห็นกันไปแล้ว การกลับมาของ ธีราทร บุญมาทัน หรือการดัน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมในการไล่ล่าความสำเร็จ แถมยังมีการส่งออก สุภโชค สารชาติ ออกไปเล่นในศึก เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่น

การที่ ปราสาทสายฟ้า สามารถครองความยิ่งใหญ่ด้วยการเป็น ทริปเปิ้ล แชมป์ ในปีก่อน รวมไปถึงการคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลล่าสุด กลายเป็นเครื่องหมายการันตีความสำเร็จว่า พวกเขามาถูกทิศถูกทาง จึงเลือกที่จะเดินหน้าต่อในแผนการอัดฉีดงบประมาณให้กับอะคาเดมี่ถึง 42 ล้านบาท ตามที่คุณ เนวิน ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“พวกเราเชื่อว่าการทำทีมฟุตบอลไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ ก็อยู่ที่การสร้างคนให้เป็นคน และสำคัญที่สุดคือการสร้างวินัย ไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าฟุตบอลจะประสบความสำเร็จได้ เฉพาะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว”

“แต่ผมเชื่อว่าการเป็นมนุษย์ พรแสวงสำคัญที่สุด ปีนี้เรามีเด็กอะคาเดมี มากกว่า 140 คน ปีที่แล้วเรามี 200 กว่าคน ค่าใช้จ่ายต่อคน ต่อปี อยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท เพราะเราต้องรับผิดชอบทั้งที่นอน อาหาร การเรียน ทั้งหมดทุกอย่าง”

ถ้าสิ่งที่ทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินหน้าเรื่องการปั้นเยาวชนไม่ประสบความสำเร็จจริง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คงไม่มอบหมายหน้าที่ให้ดูแล ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 20 ปีเป็นแน่แท้

PHOTO : มิติใหม่ฟุตบอลไทย

การเป็นแชมป์ การป้อนนักเตะขึ้นสู่ทีมชาติทุกชุด รวมไปถึงการส่งออกนักเตะไปค้าแข้งในต่างประเทศ ล้วนเป็นความสำเร็จที่จับต้องได้ แบบที่สโมสรอื่นๆ ใน ไทย ลีก ยังคงห่างชั้นเรื่องการพัฒนาแบบเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

ภาพรวมที่ออกมาเต็มที่ ทีมอื่นๆ ที่แย่งแชมป์ได้บางปี ก็มักจะโผล่มาแบบฉาบฉวย ด้วยการทุ่มงบประมาณเสริมทัพผู้เล่นแบบไม่อั้น แล้วพอฤดูกาลต่อๆ ไปผลงานก็จะตกลง ยากที่จะรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ อันเป็นผลมาจากการวางแผนทีมที่ยังไม่ดีพอ

แนวทางการพัฒนาแบบต่อยอด

การเติบโตของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แบบต่อเนื่อง มีมาตรฐานคงเส้นคงวา มันมาจากความคิดสร้างสรรค์ของคุณ เนวิน ที่ไม่ได้ยึดติดกับแนวความคิดแบบเดิมๆ แลัวมันสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าแค่การทำทีมฟุตบอล ตามที่กล่าวไว้ว่า

“ผมคิดว่าวันนี้เราต้องเข้าใจเรื่องหนึ่งคือว่าโลกในปัจจุบัน resources are limited (ทรัพยากรมีจำกัด), creative unlimited (การสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด)”
PHOTO : ลุงเนวิน

“โลกในปัจจุบันและอนาคต ชีวิตของคน ความสำเร็จของคน จะขึ้นอยู่กับ ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ทรัพยากรในมือ”

"เราไม่ได้คิดถึงผลตอบแทน ถามว่าใครได้ เมืองนี้ได้ คนที่มางานนี้ได้ นี่คือสิ่งที่สะท้อนคำว่าแบ่งปัน การทำให้เข้าใจคำว่า profit sharing คนมาเต็มเมือง โรงแรมเต็ม ร้านอาหารเต็ม ทุกคนได้ประโยชน์"

"เรามีความสุข ความสำเร็จของเราความสุขของเรา เกิดขึ้นจากเราได้ทำประโยชน์ให้กับเมืองนี้ แล้วก็ทำประโยชน์ให้กับคนที่มาเมืองนี้"

ดังนั้นการพัฒนาของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มันไม่ได้หมายถึงการเติบโตของทีมเพียงอย่างเดียว แต่มันหมายถึงการก้าวไปสู่จุดที่ดีกว่าทั้งจังหวัดโดยภาพรวม แล้วขยายฐานแฟนบอลมากขึ้นจากการมาเยี่ยมเยียนของแฟนบอลต่างถิ่น ที่มาสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจที่จังหวัดนี้

แม้ว่าจะเน้นการใช้นักเตะไทยเป็นแกนหลักล่าความสำเร็จ แต่การลงทุนซื้อตัวผู้เล่นฝีเท้าดี โปรไฟล์ไม่ธรรมดามาจากทวีปอื่นๆ ก็ยังคงเป็นแนวคิดที่นำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้พวกเขายังคงมีสตาร์แม่เหล็กตัวต่างชา่ติอย่าง โกรัน เคาซิช, ฮาริส วุคคิช และ ลอนซาน่า ดุมบูญ่า อยู่ในทีม

ทุกองค์ประกอบที่กล่าวมาข้างต้น มันมาจากคำว่า ความคิดสร้างสรรค์ ที่เป็นจุดริเริ่มโครงการต่างๆ จนทุกอย่างมันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง แล้วประสบความสำเร็จแบบที่เห็นกันอยู่ในตอนนี้ ด้วยการกล้าลงมือที่จะทำมันขึ้นมาจริงๆ

ซึ่งถ้าสโมสรอื่นๆ อยากก้าวไปอยู่ในจุดที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ควรจะลองออกนอกกรอบจากแบบแผนแนวคิดเดิมๆ หวังความสำเร็จแบบฉาบฉวยดูบ้าง การนำเอาข้อดีของทีมร่วมลีกมาเป็นแบบอย่างคงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากทุกฝ่ายมองไปที่เป้าหมายเดียวกันว่า ต้องการทำให้วงการบอลไทยพัฒนา

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เมื่อครั้งหนึ่ง “อิชิอิ” เคยทำงานในโรงอาหาร หลังคว้ารองแชมป์สโมสรโลก

คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ

เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว

เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?

บุรีรัมย์ ยังห่างแค่ไหน ? 10 สถิติไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้

คุณสมบัติอะไรที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ?

ศุภณัฏฐ์ นำทัพ : 6 วันเดอร์คิดเอเชียที่ติดอันดับโลกปี 2019 ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ?




แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.brandbuffet.in.th/2015/06/buriram-united-to-buriram-destination-brand/

https://socanth.tu.ac.th/wp-content/uploads/2014/05/JSA-31-1-arjin.pdf

https://www.youtube.com/watch?v=aAP3a6QkYqg

https://thinkcurve.co/othchiya-mi-ura-esnthaangsaayaihmkab-thiimchaatiaithy-yuu-20/

https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/thaipremierleague/1145713

https://www.bugaboo.tv/sport/638216

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ