5 นักเตะน่าจับตาในศึก เจ ลีก ฤดูกาลนี้ ที่มีโอกาสก้าวไปติดทีมชาติ ‘ญี่ปุ่น’ ชุดใหญ่
ศึก เจ ลีก 2024 เปิดฤดูกาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงลีกรองอย่าง เจ ทู และ เจ ทรี ที่ทุกลีกจะมีจำนวนทีมลงทำการแข่งขันลีกละ 20 ทีมเท่ากันหมด มีโปรแกรมการลงสนาม 38 นัด เพื่อตัดสินหาแชมป์ที่จะได้บทสรุปกันในช่วงวันที่ 8 ธันวาคม
การขับเคี่ยวกันของเหล่านักเตะตลอดระยะเวลาอันยาวนานจนกว่าจะจบฤดูกาล ย่อมช่วงที่จะมีโปรแกรมทีมชาติคั่นกลางตามปกติ ซึ่งเหล่าผู้เล่นชาวญี่ปุ่นทุกคน ย่อมมีการตั้งความหวังเอาไว้ว่า นอกจากจะทำผลงานกับสโมสรให้ดีที่สุดแล้ว บันไดขั้นต่อไปอันทรงเกียรติของพวกเขา คือ การได้ก้าวไปมีชื่อติดทัพ ‘ซามูไรบลู’ ทีมชาติญี่ปุ่น ที่จะมีโปรแกรมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ที่แน่นขนัดในปีนี้
สื่อในประเทศญี่ปุ่นจึงเริ่มมีการทำข้อมูลเกี่ยวกับผู้เล่นที่น่าจับตามอง แล้วเชื่อว่าศักยภาพของนักเตะกลุ่มนี้จะมีโอกาสก้าวไปเป็นขุนพลของทีมชาติชุดใหญ่ได้ในระยะเวลาอันใกล้ โดยคัดมาได้ทั้งหมด 5 รายพร้อมเหตุผลประกอบ แต่จะมีใครกันบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
คุริว มัตสึกิ (Kuryu Matsuki)
กองกลางดาวรุ่งจากสโมสร เอฟซี โตเกียว วัยเพียงแค่ 20 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมในฤดูกาลนี้ แล้วได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมที่บุกไปเยือน เซเรโซ โอซาก้า ที่จบลงด้วยผลเสมอกันไป 2-2 โดยเกมนัดดังกล่าวเขาทำไป 1 แอสซิสต์
ดีกรีของ มัตสึกิ นั้นโด่งดังมาตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยม ด้วยการพา อาโอโมริ ยามาดะ ก้าวไปเป็นแชมป์ระดับประเทศได้ ก่อนจะได้รับโอกาสเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ เอฟซี โตเกียว จุดเด่นของเขาเป็นเรื่องของ ร่างกายที่แข็งแกร่ง, แพสชั่นอันแรงกล้าที่ต้องการพาทีมคว้าชัยชนะ และ ไร้ซึ่งความกลัวยามต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อายุมากกว่าเก๋าประสบการณ์กว่า
แม้ว่าปีที่แล้ว มัตสึกิ จะทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในศึก ฟุตบอลโลก ชุดอายุต่ำกว่า 20 ปี ด้วยการพาทีมตกรอบแบ่งกลุ่ม แต่โอกาสสำหรับการแก้ตัวของเขายังคงเปิดกว้างกับรายการใหญ่อย่าง โอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงปารีส ซึ่งถ้าเขาทำผลงานได้อย่างเข้าตาก็มีโอกาสจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่
โดยทาง มัตสึกิ ได้กล่าวถึงเป้าหมายของเขาในปีนี้ เอาไว้ว่า
“ผมจะไม่มีทางได้รับโอกาสให้ติดทีมชาติชุดใหญ่ได้เลย หากไม่สามารถก้าวข้ามผ่านนักเตะอย่าง วาตารุ เอ็นโด หรือ ฮิเดมาสะ โมริตะ ไปได้ ดังนั้นผมจึงตั้งเป้าที่จะโชว์ผลงานในสนามออกมาให้ดีที่สุด แล้วต้องมีส่วนร่วมกับชัยชนะของทีม เช่นการทำประตูให้ได้”
ไดจู ซาซากิ (Daiju Sasaki)
แนวรุกสาระพัดประโยชน์จากสโมสร วิสเซล โกเบ ที่เพิ่งจะมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ เจ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน แถมยังทำผลงานได้ดีที่สุดในอาชีพ ด้วยการยิงไป 7 ประตู จากการลงสนาม 33 นัด
จุดเด่นของ ซาซากิ คือ ความสาระพัดประโยชน์ในการเล่นได้หลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น ปีกตัวริมเส้นทั้งสองฝั่ง, กองกลางตัวรุก และ กองหน้าตัวต่ำ ด้วยการอาศัยศักยภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง, รูปร่างสูง, ทักษะความสามารถเฉพาะตัวดี และ มีความเร็วสูง
เขามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในซีซั่นนี้ ในการจะพาทีมป้องกันแชมป์ลีก รวมไปถึงการก้าวไปคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการตั้งเป้าจะยิงประตูให้ได้ถึงสองหลัก ซึ่งนัดเปิดสนาม เจ ลีก ที่บุกไปเยือน จูบิโล่ อิวาตะ ถือว่า ซาซากิ เริ่มต้นได้สวยเลยทีมเดียว หลังทำประตูให้ทีมไปได้หนึ่งลูก พาทีมประเดิมชัยในเกมลีกด้วยสกอร์ 2-0
ความฝันสูงสุดของเขาตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอล คือ การได้รับใช้ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งหากเขาทำผลงานได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งเป้าไว้ ความฝันของเขาอาจเป็นจริงได้ในระยะเวลาอันใกล้
ยู ฮิรากาวะ (Yu Hirakawa)
ตัวริมเส้นวัย 23 ปีรายนี้ ถือเป็นนักเตะที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งจากทีมน้องใหม่อย่าง มาชิดะ เซลเวีย ฮิรากาวะ อาจไม่ได้เป็นดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยมัธยมเหมือนสตาร์ใน เจ ลีก รายอื่นๆ แต่เขาเริ่มมาเป็นที่รู้จักตอนเล่นให้กับทีม มหาวิทยาลัย ยามานาชิ กาคุอิน แล้วได้รับการเสนอสัญญาอาชีพจาก มาชิดะ เซลเวีย ตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม
แล้วทาง ฮิรากาวะ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สองปี ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับ มาชิดะ เซลเวีย ภายใต้การทำทีมของโค้ช โก คุโรดะ ฤดูกาลก่อนเป็นคีย์แมนในแนวรุก ช่วยพาทีมเป็นแชมป์ เจ ทู เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จ ด้วยการยิงไป 6 ประตู และทำไปอีก 4 แอสซิสต์
จุดเด่นในการเล่นของ ฮิรากาวะ คือ ความเร็วในการไปกับบอล สามารถเลี้ยงกินตัวคู่แข่งด้วยตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นดาวเตะรายนี้ ยังแสดงความมั่นใจในทักษะเฉพาะตัวด้วยการกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าผมมีจังหวะได้ดวลตัวต่อตัว ผมสามารถเอาชนะได้ทุกคน”
ยิ่งสถานการณ์ของ จุนยะ อิโตะ เจ้าของตำแหน่งปีกขวาทีมชาติญี่ปุ่น ยังคงไม่แน่นอน หลังมีข่าวเสียหายจนต้องออกจากแคมป์ทีมชาติกลางคันในศึกชิงแชมป์เอเชีย อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ ฮิรากาวะ ที่อายุเพียงแค่ 23 ปี แล้วยังมีสิทธิ์พัฒนาฝีเท้าก้าวข้าม อิโตะ ที่อายุ 30 ปีได้อยู่
เคนโตะ ทาจิบานาดะ (Kento Tachibanada)
ถึงทาง คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จะทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในการตกรอบศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักของทีมในฤดูกาลนี้ คือ การกลับมาคว้าแชมป์ เจ ลีก แล้วทาง เคนโตะ ทาจิบานาดะ กองกลางไดนาโมของทีม คือ ฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเกมที่ขาดไม่ได้ของทีม
ฤดูกาลก่อน ทาจิบานาดะ รับบทบาทเป็นกัปตันทีมพา ฟรอนตาเล่ เถลิงแชมป์ เอ็มเพอเรอร์ คัพ แต่อันดับในลีกกลับน่าผิดหวังอย่างมาก ด้วยผลงานที่ทำได้เพียงการจบในอันดับที่ 8 ของตารางคะแนน จนทำให้ดาวเตะรายนี้เลือกที่จะสละปลอกแขนกัปตันทีม เพื่อกลับมาเป็นผู้เล่นธรรมดาคนหนึ่งหวังลดแรงกดดันลง
แม้ว่า ทาจิบานาดะ จะเป็นกองกลางที่รูปร่างเล็ก อาจดูเหมือนจะเป็นการเสียเปรียบคู่แข่งอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามเขาทดแทนข้อเสียดังกล่าว ด้วยทักษะการแย่งบอลที่เป็นอันดับต้นๆ ของลีก มีผลงานที่ใกล้เคียงกับ ไคชู ซาโนะ กองกลางจากสโมสร คาชิม่า แอนท์เลอร์ ที่มีชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่น ชุดลุยศึกชิงแชมป์เอเชียไปสดๆ ร้อนๆ
ต่อให้ทาง ทาจิบานาดะ ในวัย 25 ปี จะไม่เคยมีประสบการณ์ติดทีมชาติมาก่อน แต่หากเขาทำผลงานกับต้นสังกัดได้อย่างเข้าตาเหมือนในเกมแรกของลีก ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเกมแดนกลาง จนสามารถบุกไปเอาชนะ โชนัน เบลมาเร่ ถึงถิ่น 2-1 เชื่อว่าการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งในทีมชาติตรงพื้นที่แดนกลางปีนี้ จะต่อสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน
ยูมะ ซูซูกิ (Yuma Suzuki)
กองหน้าวัย 27 ปี จากสโมสร คาชิม่า แอนท์เลอร์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับต้นสังกัดในฤดูกาลที่แล้ว ด้วยการยิงไป 14 ประตู กับการทำไปอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงสนามในเกมลีกทั้งหมด 33 นัด
อย่างไรก็ตามผลงานของ ซูซูกิ ก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขา มีชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่นในศึก เอเชียน คัพ ครั้งล่าสุด เนื่องจากเขายังมีจุดอ่อนในเรื่องของการควบคุมอารมณ์และการชอบเข้าปะทะหนัก ซึ่งถ้าจัดการเรื่องนี้ได้ ซูซูกิ จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของทัพ ซามูไรบลู เนื่องจากการตกรอบในการพ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติอิหร่าน เป็นเพราะขาดกองหน้าตัวเป้าที่เล่นได้อย่างดุดันและเก็บบอลไว้กับตัวได้
น่าเสียดายที่ช่วงปรีซีซั่น ซูซูกิ ได้รับอาการบาดเจ็บที่ใบหน้า เนื่องจากกระดูกโหนกแก้มขวาแตก แต่โชคยังดีที่สามารถเรียกความฟิตกลับมาได้ทัน สามารถลงสนามเป็นตัวสำรองได้ราว 21 นาที ในเกมที่ต้นสังกัดของเขาบุกไปเอาชนะ นาโกย่า แกรมปัส ได้อย่างขาดลอย 3-0 แต่ยังเบิกสกอร์แรกให้กับทีมในฤดูกาลนี้ไม่ได้ ต้องมาลุ้นกันในเกมต่อๆ ไปหลังสภาพร่างกายของ ซูซูกิ ฟิตสมบูรณ์ว่า เขาจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนปีก่อนหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นประตูทีมชาติก็ยังเปิดรอต้อนรับเขาอยู่เสมอ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://qoly.jp/2024/02/22/ylb54swt-hys-1?part=2
ข่าวและบทความล่าสุด